เสด็จถึงอุรุเวลาเสนานิคมอันสงัดเงียบ
ทรงพอพระทัยประทับบำเพ็ญ เพียรที่นั่น

พระมหาบุรุษทรงอำลาท่านคณาจารย์ทั้งสองแล้วออกจากที่นั่น แล้วเสด็จ
จาริกแสวงหาที่สำหรับทรงบำเพ็ญเพียร เพื่อทดลองทุกกรกิริยาที่คนสมัยนั้น
นิยมทำกันดังกล่าว แล้วเสด็จไปถึงตำบลแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในเขตแขวงมคธ
เหมือนกัน มีนามว่า 'อุรุเวลาเสนานิคม' อุรุเวลา แปลว่า กองทราย เสนา
นิคม แปลว่า ตำบล หมู่บ้าน

พื้นที่ตำบลแห่งนี้เป็นที่ราบรื่น มีแนวป่าเขียวสด เป็นที่น่าเบิกบานใจ มีแม่
น้ำเนรัญชรา น้ำไหลใสสะอาด มีท่าสำหรับลงอาบ มีหมู่บ้านตั้งอยู่โดยรอบ
ไม่ใกล้เกินไป และไม่ไกลเกินไป เหมาะสำหรับเป็นที่อาศัยเที่ยวบิณฑบาต
ของนักบวชบำเพ็ญพรต

อุรุเวลาเสนานิคม ถ้าจะเรียกอย่างไทยเราก็คงจะเรียกได้ว่า หมู่บ้านกอง
ทราย หรือหมู่บ้านทรายงาม อะไรอย่างนั้น

คัมภีร์อรรถกถาชื่อ 'สมันตปสาทิกา' เล่ม ๓ ซึ่งพระพุทธโฆษาจารย์ชาว
อินเดีย สมัยหลังพระพุทธเจ้านิพพานแล้วเป็นผู้แต่ง ได้เล่าประวัติของกอง
ทรายที่ตำบลนี้ไว้ว่า ในอดีตสมัย ที่นี่เคยเป็นที่บำเพ็ญเพียรของพวกนักพรต
จำนวนมาก นักพรตที่มาตั้งอยู่ที่นี่ตั้งระเบียบข้อบังคับปกครองกันเองไว้ว่า
ความผิดของคนที่แสดงออกทางกายและวาจานั้นพอมองเห็นได้ ส่วนทางใจ
ไม่มีใครมองเห็นเลย ใครจะคิดผิดคิดชั่วอย่างไรก็มองไม่เห็น ลงโทษว่ากล่าว
กันก็ไม่ได้เพราะฉะนั้น ถ้าใครเกิดคิดชั่ว เช่น เกิดอารมณ์ความใคร่ขึ้นมาเมื่อ
ใดละก็ ขอให้ผู้นั้นลงโทษตัวเอง โดยวิธีนำบาตรไปตักเอาทรายมาเทกองไว้
หนึ่งคนหนึ่งครั้ง ครั้งละหนี่งบาตร เป็นการประจานตัวเองให้คนอื่นรู้ ด้วย
เหตุนี้ ภูเขากองทราย หรืออุรุเวลา ซึ่งเสมือนหนึ่งอนุสรณ์แห่งกองกิเลสของ
พระฤาษีเก่าก่อนจึงเกิดขึ้น

สมัยพระพุทธเจ้า บริเวณตำบลบ้านแห่งนี้ยังเรียกกันว่า 'อุรุเวลาเสนานิคม'
แต่มาสมัยหลังกระทั่งทุกวันนี้เรียกบริเวณตำบลแห่งนี้ว่า 'พุทธคยา' ซึ่ง
ปัจจุบันวัดไทยพุทธคยาก็ตั้งอยู่ที่นั่น

พระมหาบุรุษทรงเลือกตำบลนี้เป็นที่บำเพ็ญทุกกรกิริยา ซึ่งเป็นบททดลอง
อีกบทหนึ่งว่าจะเป็นทางตรัสรู้หรือไม่

Copyright © 2002 Mahidol University All rights reserved.
Mahidol University Computing Center, Rama VI Road, Rajathewi, Bangkok 10400, THAILAND Tel. (662) 354-4333