เสด็จไปประทับโคนต้นไทร
สามธิดามารมาประโลมล่อให้หลง ก็ไม่ทรงไยดี
ตรัสรู้แล้ว พระพุทธเจ้าเสด็จประทับเสวยวิมุติสุขอยู่ภายใต้ต้นพระศรีมหา |
โพธิ์เป็นเวลา ๗ วัน คำว่า 'เสวยวิมุติสุข' เป็นภาษาที่ใช้สำหรับท่านผู้ทรง |
หลุดพ้นแล้ว เทียบกับภาษาสามัญชนคนมีกิเลสก็คือพักผ่อนภายหลังที่ |
ตรากตรำงานมานั่นเอง |
หลังจากนั้นจึงเสด็จไปยังต้นอชปาลนิโครธ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของต้น |
พระศรีมหาโพธิ์ ต้นนิโครธคือต้นไทร ส่วนคำหน้าคือ 'อชปาล' แปลว่า เป็นที่ |
เลี้ยงแพะ ตามตำนานบอกว่าที่ใต้ต้นไทรแห่งนี้เคยเป็นที่อาศัยของคนเลี้ยง |
แพะมานาน คนเลี้ยงแพะที่ตำบลแห่งนี้ได้เข้ามาอาศัยร่มเงาของต้นไทรเป็น |
ที่เลี้ยงแพะเสมอมา |
ระหว่างที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่นี่ นักแต่งเรื่องในยุคอรรถกถาจารย์ ยุคนี้ |
เกิดขึ้นภายหลังพระพุทธเจ้านิพพานแล้วหลายร้อยปี ได้แต่งเรื่องขึ้นเฉลิม |
พระเกียรติของพระพุทธเจ้าว่า ลูกสาวพระยามารซึ่งเคยยกทัพมาผจญพระ |
พุทธเจ้าเมื่อตอน ก่อนตรัสรู้เล็กน้อยแต่ก็พ่ายแพ้ไป ได้ขันอาสาพระยามารผู้ |
บิดาเพื่อประโลมล่อพระพุทธเจ้าให้ตกอยู่ในอำนาจของพระยามารให้จงได้ |
ลูกสาวพระยามารมี ๓ คน คือ นางตัณหา นางราคา และนางอรดี |
ทั้งสามนางเข้าไปประโลมพระพุทธเจ้าด้วยกลวิธีทางกามารมณ์ต่าง ๆ เช่น |
เปลื้องภูษาอาภรณ์ทรงออก แปลงร่างเป็นสาวแรกรุ่นบ้าง เป็นสาวใหญ่บ้าง |
เป็นสตรีในวัยต่าง ๆ บ้าง แต่พระพุทธเจ้าผู้ทรงบริสุทธิ์สิ้นเชิงแล้วไม่ทรง |
แสดงพระอาการผิดปกติแม้แต่ลืมพระเนตรแลมอง |
เรื่องธิดาพระยามารประโลมพระพุทธเจ้าก็เป็นเรื่องปุคคลาธิษฐาน ถอด |
ความได้ว่า ทั้งสามธิดาพระยามารนั้น ล้วนหมายถึงกิเลสทั้งนั้น อย่างหนึ่ง |
คือความยินดี อีกอย่างหนึ่งคือความยินร้ายหรือความเกลียดชัง ความยินดี |
ส่วนหนึ่งแยกออกเป็นตัณหา คือความอยากได้ไม่มีที่สิ้นสุด อีกส่วนหนึ่งเป็น |
ราคา หรือราคะ คือความใคร่หรือกำหนัด ความเกลียดชังหรือยินร้ายออกมา |
ในรูปของอรดี อรดีในที่นี้คือ ความริษยา |
ความที่ว่าพระพุทธเจ้าไม่ทรงแสดงพระอาการผิดปกติ แม้แต่ทรงลืมพระ |
เนตรนั้น ก็หมายถึงว่าพระพุทธเจ้าทรงอยู่ห่างไกลจากกิเลสดังกล่าวมาโดย |
สิ้นเชิงนั่นเอง |
Copyright © 2002 Mahidol
University All rights reserved. |