ทรงคำนึงเห็นอุปนิสัยเวไนยสัตว์
เปรียบด้วยดอกบัว ๔ เหล่า จึงรับอาราธนา
ท้าวสหัมบดีพรหมที่เสด็จมากราบทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าให้ทรงแสดง |
ธรรมประกาศพระศาสนาโปรดชาวชาวโลก ดังที่ได้บรรยายไว้ในภาพที่ ๓๒ |
นั้น เป็นเรื่องที่กวีแต่งเป็นปุคคลาธิษฐาน คือ แต่งเป็นนิยายมีบุคคลเป็นตัว |
แสดงในเรื่อง ถ้าถอดความเป็นธรรมาธิษฐาน หรืออธิบายกันตรง ๆ ก็คือ |
สหัมบดีพรหมนั้น ได้แก่พระมหากรุณาของพระพุทธเจ้านั่นเอง |
ถึงพระพุทธเจ้าจะทรงท้อพระทัยว่าจะไม่แสดงธรรม แต่อีกพระทัยหนึ่งซึ่งมี |
อำนาจเหนือกว่า คือ พระมหากรุณา และพระมหากรุณานี่เองที่เป็นเหตุให้ |
พระพุทธเจ้าตัดสินพระทัยว่าจะทรงแสดงธรรม หลังจากตัดสินพระทัยแล้ว |
จึงทรงพิจารณาดูอัธยาศัยของคนในโลก แล้วทรงเห็นความแตกต่างแห่ง |
ระดับสติปัญญาของคนถึง ๔ ระดับ หรือ ๔ จำพวก |
จำพวกที่หนึ่ง | ฉลาดมาก เพียงแต่ได้ฟังหัวข้อธรรมที่ยกขึ้นก็เข้าใจทันที |
จำพวกที่สอง | ฉลาดพอควร ต่อเมื่อฟังคำอธิบายอีกชั้นหนึ่งจึงเข้าใจ |
จำพวกที่สาม | ฉลาดปานกลาง ที่เรียกว่าเวไนยสัตว์ ต้องใช้เวลาอบรมบ่มสตัญญาพอควรจึงจะเข้าใจ |
จำพวกที่สี่ | เรียกว่า 'ปทปรมะ' ตรงกับภาษาไทยว่า โง่ทึบ ตรงกับคำอังกฤษว่า Idiot เป็นคนที่ใครโปรดไม่ได้ เรียกสำนวนหนึ่งว่า ผู้ที่พระพุทธเจ้าทรงทอดทิ้ง |
จำพวกที่หนึ่ง เหมือนดอกบัวเปี่ยมน้ำ พอได้รับแสงอาทิตย์ก็บาน ที่สอง |
เหมือนดอกบัวใต้น้ำที่จะโผล่พ้นน้ำ และที่จะบานในวันรุ่งขึ้น ที่สาม เหมือน |
ดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำลึกลงไปหน่อย ซึ่งจะแก่กล้าขึ้นมาบานในวันต่อ ๆ ไป และ |
ที่สี่ เหมือนดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำลึกลงไปมาก ถึงขนาดไม่อาจขึ้นมาบานได้ |
เพราะตกเป็นภักษาของปลาและเต่าเสียก่อน ระดับแตกต่างแห่งสติปัญญา |
ของคนในโลกที่พระพุทธเจ้าทรงเห็นดังกล่าวนี้คือ สิ่งที่ภาษาจิตวิทยาทุกวัน |
นี้ เรียกกัน ไอ.คิว. ของคนนั่นเอง |
ครั้นแล้วพระพุทธเจ้าทรงพิจารณาถึงบุคคลที่พระองค์จะเสด็จไปโปรด ทรง |
มองเห็นภาพของดาบสทั้งสอง ที่พระองค์เคยเสด็จไปทรงศึกษาอยู่ด้วย แต่ |
ทั้งสองท่านนั้นก็สิ้นชีพเสียแล้ว ทรงเห็นเบญจวัคคีย์ว่ายังมีชีวิตอยู่ จึงทรงตั้ง |
พระทัยเสด็จไปโปรดเบญจวัคคีย์เป็นอันดับแรก |
Copyright © 2002 Mahidol
University All rights reserved. |