ยสกุลบุตรหน่ายสมบัติเดินไปสู่ป่าอิสิปตนะ
พบพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมโปรด
พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระอริยสาวกทั้ง ๕ เสด็จจำพรรษาอยู่ที่ป่าอิสิปตน |
มฤคทายวัน หรือสถานที่ทรงแสดงธรรม ซึ่งนับเป็นพรรษาที่หนึ่ง ตอนนี้ยังมิ |
ได้เสด็จไปโปรดใครที่ไหนอีก เพราะย่างเข้าหน้าฝน แต่มีกุลบุตรผู้หนึ่งนาม |
ว่า 'ยส' มาเฝ้า |
ยสกุลบุตรเป็นลูกชายเศรษฐีในเมืองพาราณสี บิดามารดาสร้างปราสาท |
เปลี่ยนฤดูให้อยู่ ๓ หลังแต่ละหลังมีนางบำเรอเฝ้าปรนนิบัติจำนวนมาก |
เที่ยงคืนวันหนึ่ง ยสกุลบุตรตื่นขึ้นมาเห็นนางบำเรอนอนสลบไสลด้วยอาการ |
ที่น่าเกลียด (ท้องเรื่องเหมือนตอนก่อนพระพุทธเจ้าเสด็จออกบรรพชา) |
ก็เกิดนิพพิทา คือ คือความเบื่อหน่าย |
ยสกุลบุตรจึงแอบหนีจากบ้านคนเดียวยามดึกสงัด เดินมุ่งหน้าไปทางป่า |
อิสิปตนมฤคทายวัน พลางบ่นไปตลอดทางว่า "อุปัททูตัง วต อุปสัคคัง วต" |
แปลให้ตรงภาษาไทยว่า "เฮอ ! วุ่นวายจริง! เฮอ !อึดอัดขัดข้องจริง !" หมาย |
ถึง ความร้อนรุ่มกลุ่มใจ |
ขณะนั้นมีเสียงดังตอบออกมาจากชายป่าว่า "โน อุปัททูตัง โน อุปสัคคัง" (ที่ |
นี่ไม่มีความวุ่นวายที่นี่ไม่มีความอึดอัดขัดข้อง) เป็นพระดำรัสตอบของพระ |
พุทธเจ้านั่นเอง |
ตอนที่กล่าวนี้เป็นเวลาจนย่ำรุ่งแล้ว พระพุทธเจ้ากำลังเสด็จจงกรมอยู่ |
จงกรมคือการเดินกลับไปกลับมา เป็นการบริหารร่างกายให้หายเมื่อยขบ |
และบรรเทาความง่วง เป็นต้น |
พระพุทธเจ้าตรัสบอกยสกุลบุตรว่า "เชิญเข้ามาที่นี่แล้วนั่งลงพระพุทธเจ้า |
ตรัสพระธรรมเทศนาให้ฟัง ฟังจบแล้วยสกุลบุตรได้บรรลุสำเร็จเป็นพระ |
อรหันต์ แล้วจึงทูลขอบวชเป็นพระภิกษุกับพระพุทธเจ้า |
ยสกุลบุตรบวชแล้วไม่นาน ได้มีสหายรุ่นราวคราวเดียวกับท่านอีก ๕๔ คนรู้ |
ข่าวก็ออกบวชตามได้มาเฝ้าพระพุทธเจ้า ได้ฟังธรรม แล้วได้สำเร็จอรหันต์ |
เช่นเดียวกับพระยสกุลบุตร ตกลงภายในพรรษาที่หนึ่งของพระพุทธเจ้าได้มี |
พระอรหันต์เกิดขึ้นในโลกทั้งหมด ๖๑ องค์ด้วยกัน |
Copyright © 2002 Mahidol
University All rights reserved. |