เสด็จไปหาชฏิลอุรุเวลกัสสป ขอพักในโรงไฟ
ชฏิลบอกว่ามีนาคร้ายก็ไม่ทรงฟัง
ออกพรรษาแล้ว ล่วงมาจนถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ พระพุทธเจ้าได้ทรง |
ประชุมพระสาวก ๖๐ รูปที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน พระสาวกเหล่านี้ล้วน |
เป็นพระอรหันต์ทั้งสิ้น วัตถุประสงค์ที่พระพุทธเจ้าทรงจัดประชุมพระสาวก |
ดังกล่าวนี้ ก็เพื่อจัดส่งพระสาวกออกไปประกาศพระศาสนาตามเมืองต่าง ๆ |
ในการประชุมนี้ พระพุทธเจ้าทรงมีพระพุทธดำรัสปราศรัยว่า |
"ภิกษุทั้งหลาย ! เราหลุดพ้นแล้วจากบ่วงเครื่องผูกมัดทั้งปวงแล้ว แม้พวก |
ท่านทุกรูปก็เหมือนกันขอพวกท่านจงจาริกไปประกาศพระศาสนาในชนบท |
ต่าง ๆ เพื่อยังประโยชน์และความสุขให้เกิดแก่คนเป็นอันมาก จงแยกกันไป |
แห่งละรูป จงแสดงธรรมชั้นเบื้องต้น ชั้นกลาง และชั้นสูงอันบริสุทธิ์ที่เราได้ |
ประกาศไว้แล้ว ภิกษุทั้งหลาย ! คนในโลกนี้ที่มีกิเลสบางเบา แต่มีสติ |
ปัญญาที่พอจะฟังธรรมรู้เรื่องนั้นมีอยู่ แต่เพราะเหตุที่คนเหล่านั้นไม่มีโอกาส |
ที่จะได้ฟังธรรม จึงเสื่อมจากคุณความดีที่จะพึงได้รับ พวกท่านไปกันเถิด แม้ |
เราก็จะไปยังตำบลอุรุเวลาเสนานิคม เพื่อประกาศพระศาสนา" |
รุ่งขึ้นวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๒ พระสาวก ๖๐ รูปจึงต่างแยกย้ายกันออกไป |
ประกาศพระศาสนาตามพระดำรัสของพระพุทธเจ้า ส่วนพระพุทธเจ้าเสด็จ |
กลับมายังตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ซึ่งเคยเป็นสถานที่ประทับตรัสรู้แล้วพระ |
พุทธเจ้าเสด็จโดยลำพังพระองค์ไปยังสำนักของนักบวชใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่ง |
เรียกว่า 'ชฏิลสามพี่น้อง' |
ชฏิลผู้พี่ชายใหญ่ชื่อ 'อุรุเวลกัสสป' มีสาวกบริวาร ๕๐๐ คน ตั้งอาศรม |
บำเพ็ญพรต บูชาไฟอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชราตอนเหนือ น้องชายคนกลางชื่อ |
'นทีกัสสป' มีบริวาร ๓๐๐ และน้องชายคนเล็กชื่อ 'คยากัสสป' มีบริวาร ๒๐๐ |
ตั้งอาศรมอยู่คนละแห่ง ที่คุ้งน้ำทางใต้ถัดลงมา |
พระพุทธเจ้าเสด็จไปยังสำนักของผู้พี่ชายใหญ่ก่อน ทรงพบหัวหน้าชฏิล แล้ว |
ตรัสขอที่พัก หัวหน้าชฏิลบอกพระพุทธเจัาว่ามีอยู่แห่งเดียวคือโรงบูชาไฟ |
แต่ในที่นั้น มีพญานาคใหญ่อาศัย พิษร้ายกาจนัก |
Copyright © 2002 Mahidol
University All rights reserved. |