พระอุรุเวลกัสสประกาศตนเป็นพุทธสาวก
ต่อหน้าพระเจ้าพิมพิสาร ณ สวนตาลหนุ่ม

เมื่อพระพุทธเจ้าทรงปราบนักบวชสามสำนักสามพี่น้องให้สิ้นพยศ คือหมด
ทิฐิมานะที่ว่าตนเป็นพระอรหันต์ลงราบคาบ จนยอมเป็นพระสาวกแล้ว ก็
ทรงดำเนินนโยบายในการประกาศพระศาสนาขั้นต่อไป คือเสด็จเข้าเมือง
ราชคฤห์

ราชคฤห์เป็นเมืองหลวงของแคว้นมคธและแคว้นอังคะในสมัยนั้น มีผู้คน
มาก มีพระราชาผู้เป็นใหญ่ คือพระเจ้าพิมพิสารปกครอง พระราชาพระองค์
นี้เคยทรงพบพระพุทธเจ้าครั้งหนึ่งเมื่อตอนก่อนตรัสรู้ ดังได้เคยบรรยายไว้
แล้ว

พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสาวกที่แต่ก่อนเป็นพวกชฏิลครองหนังเสือ แต่มา
บัดนี้ เป็นพระภิกษุครองจีวร จำนวนหนึ่งพันรูป เสด็จไปถึงอุทยานนอกเมือง
ที่เรียกว่า ลัฏฐิวัน หรือสวนตาลหนุ่มแล้วแสด็จพักที่นี่

พวกชาวเมืองแตกตื่นกันมากเมื่อรู้ข่าวว่า มีคณะนักบวชศาสนาใหม่ โดยมี
พระสมณโคดมพระพุทธเจ้าเข้ามาถึงชานเมือง จึงออกไปเฝ้ากันล้นหลาม
แม้พระเจ้าพิมพิสารก็เสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้าด้วย

ชาวเมืองที่มาเฝ้าพระพุทธเจ้ามีอาการกิริยาแตกต่างกัน บ้างไหว้ บ้างนั่งเฉย
บ้างแนะนำตนเองว่าอยู่ในวรรณะและตระกูลอะไร แต่มีเป็นจำนวนมากที่
สงสัยไม่อาจทราบได้ว่า ระหว่างพระพุทธเจ้ากับอุรุเวลกัสสป ผู้เป็นหัวหน้า
ชฏิลที่เคยมีชื่อเสียงใครเป็นพระศาสดา และใครเป็นสาวก ต่างสงสัยกันนัก
หนา

เพื่อตัดข้อสงสัยนี้ พระพุทธเจ้าจึงตรัสถามอุรุเวลกัสสปถึงเหตุผลที่ละทิ้ง
ลัทธิเดิมที่เคยปฏิบัติอยู่ ท่านได้กราบทูลดัง ๆ ต่อหน้าฝูงชนว่า ไร้สาระ ไม่ใช่
ทางพ้นทุกข์ ว่าแล้วก็ลุกขึ้นกราบแทบพระบาทพระพุทธเจ้า แสดงให้ชาว
เมืองเห็นว่า ใครเป็นพระศาสดา ชาวเมืองเห็นแล้วต่างทึ่งและอัศจรรย์ใจ
มาก

เมื่อชาวเมืองสงบแล้ว พระพุทธเจ้าจึงทรงแสดงธรรม เมื่อจบลง ชาวเมือง
จำนวนมากประกาศตนเป็นพุทธศาสนิกชน อีกจำนวนหนึ่งรวมทั้งพระเจ้า
พิมพิสารด้วยได้สำเร็จโสดาบัน

Copyright © 2002 Mahidol University All rights reserved.
Mahidol University Computing Center, Rama VI Road, Rajathewi, Bangkok 10400, THAILAND Tel. (662) 354-4333