ทรงแสดงปาฏิหาริย์เหาะให้เห็น หมู่พระญาติก็สิ้นทิฐิมานะ
ถวายบังคมพร้อมกัน
ภาพที่เห็นก็แสดงถึงเหตุการณ์ตอนหนึ่ง ซึ่งต่อเนื่องมาจากตอนที่แล้ว เป็น |
ตอนที่เรียกว่าพระพุทธเจ้าทรงแสดงปาฏิหาริย์ทำลายทิฐิมานะความถือตัว |
ของพระประยูรญาติของพระพุทธเจ้า |
เจ้าศากยะ พระญาติวงศ์ของพระพุทธเจ้าที่เป็นชั้นผู้ใหญ่ ต่างถือองค์ว่าเป็น |
พระญาติผู้ใหญ่ มีพระชนม์สูงกว่าพระพุทธเจ้า ซึ่งขณะนั้นเพียง ๓๖ ปีกว่า |
ๆ เมื่อมารับเสด็จและเฝ้าพระพุทธเจ้าที่นิโครธาราม จึงไม่ถวายอภิวาท |
บังคม คือไม่ไหว้พระพุทธเจ้า แต่ส่งเจ้าชายเจ้าหญิงศากยะเยาว์วัยกว่าพระ |
พุทธเจ้าออกไปอยู่แถวหน้า ให้ไหว้พระพุทธเจ้าแทน ส่วนพวกตนอยู่แถว |
หลังไม่ยอมไหว้ |
ตำนานปฐมสมโพธิว่า ด้วยเหตุดังกล่าวพระพุทธเจ้าจึงทรงแสดง |
อิทธิปาฏิหาริย์ในอากาศ แล้วโปรยละอองธุลีพระบาทลงเหนือศีรษะของ |
บรรดาเจ้าศากยะ |
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราช |
เจ้าผู้ทรงรจนาหนังสือพุทธประวัติเล่ม ๒ ทรงถอดความตอนนั้นว่า |
"ถ้าถือเอาความเพียงว่าพระศาสดาทรงแสดงอนุศาสนีปาฏิหาริย์ คือ ตรัส |
เทศนาเป็นมหัศจรรย์แสดงให้เห็น ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง ทำพวก |
ศากยะเหล่านั้นให้สิ้นมานะ ยอมนับถือความเป็นใหญ่ของพระองค์เหนือตน |
ดุจแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ในอากาศ จักพอฟังได้" |
พระเจ้าสุทโธทนะซึ่งเสด็จมารับเสด็จและเฝ้าพระพุทธเจ้า ทรงเห็นเหตุ |
อัศจรรย์เช่นนั้น จึงทรงประนมพระหัตถ์อภิวาทพระพุทธเจ้า ฝ่ายพระประยูร |
ญาติทั้งปวงในที่นั้น ก็ต่างหายทิฐิมานะ แล้วถวายอภิวาทพระพุทธเจ้า |
พร้อมกันทั่วทุกองค์ |
ปฐมสมโพธิ์ว่า "ในทันใดนั่นเอง มหาเมฆใหญ่ได้ตั้งเค้าขึ้นมา แล้วหลั่งสาย |
ฝนลงมาห่าใหญ่ ฝนนั้นเรียกว่า 'โบกขรพรรษ' มีสีแดง ผู้ใดปรารถนาหรือ |
ประสงค์ให้เปียก ย่อมเปียก ไม่ปรารถนาให้เปียก ก็ไม่เปียก โดยเม็ดฝนจะ |
กลิ้งหล่นจากกายเหมือนหยาดน้ำกลิ้งจากใบบัว" |
ถอดความก็ว่า พระญาติทุกพระองค์จากกันกับพระพุทธเจ้าเป็นเวลาช้านาน |
มาได้เห็นกันเข้าก็ชื่นบาน เหมือนได้รับน้ำฝนชุ่มฉ่ำหฤทัย ฉะนั้น |
Copyright © 2002 Mahidol
University All rights reserved. |