พระราหุลแสดงความรักซาบซึ้งในพระพุทธองค์ผู้เป็นบิดา
จนลืมทูลขอราชสมบัติ

ในวันที่ ๗ นับตั้งแต่วันที่พระพุทธเจ้าได้เสด็จถึงกรุงกบิลพัสดุ์ ซึ่งเป็นเวลา
ภายหลังที่เจ้าชายนันทะ ผู้เป็นพระอนุชาของพระพุทธเจ้าได้บวชแล้ว พระ
พุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์บริวารได้เสด็จเข้าไปรับบิณฑบาต ในพระราช
นิเวศน์ของพระเจ้าสุทโธทนะอีก

เจ้าชายนันทะเป็นรัชทายาทที่สองรองจากพระพุทธเจ้า ที่จะครองราชย์สืบ
ต่อจากพระเจ้าสุทโธทนะแต่เมื่อนันทะออกบวช หรือที่จริงถูกพระเชษฐา คือ
พระพุทธเจ้าทรงจับให้บวชเสียแล้ว รัชทายาทจึงตกอยู่แก่ราหุลกุมารผู้เป็น
พระโอรสของเจ้าชายสิทธัตถะ หรือพระพุทธเจ้าในเวลาต่อมา

พระนางพิมพายโสธรา พระมารดาของราหุล ทรงเห็นเป็นโอกาสดี เมื่อทรง
ทราบว่า พระพุทธเจ้าเสด็จเข้ามารับบิณฑบาต จึงแต่องค์ให้ราหุลผู้โอรส
งดงามด้วยเครื่องประดับของขัตติยกุมารแล้วทรงชี้บอกราหุลว่า "พระสมณะ
ผู้ทรงสง่า มีผิวพรรณเหลืองดังทอง มีพระสุรเสียงไพเราะดุจเสียงพรหม ที่
พระสงฆ์สองหมื่นรูปแวดล้อมตามเสด็จ นั่นแหละคือพระบิดาของเจ้า"

พระนางพิมพาตรัสบอกโอรสให้ไปทูลขอรัชทายาท และทรัพย์สินที่เป็น
สมบัติของพระบิดาทั้งหมดซึ่งยังมิได้ทรงโอนกรรมสิทธิ์ให้ใครเลย พระนาง
บอกผู้โอรสว่า ธรรมดาลูกย่อมมีสิทธิที่จะครองกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ของผู้เป็น
บิดา

ในเวลาที่กล่าวนี้ ปฐมสมโพธิบอกว่าราหุลกุมารมีพระชนมายุได้ ๗ ปี นับตั้ง
แต่ประสุติมาไม่เคยเห็นองค์ผู้ทรงเป็นพระบิดา เพิ่งได้เห็นเป็นครั้งแรกก็เมื่อ
คราวพระพุทธเจ้าเสด็จยังกรุงกบิลพัสดุ์นี่เอง เมื่อได้เห็นและได้เข้าเฝ้าโดย
ใกล้ชิด ราหุลจึงเกิดความรักในพระพุทธเจ้ายิ่งนัก เป็นความรักอย่างลูกจะ
พึงมีต่อพ่อ ราหุลกราบทูลพระพุทธเจ้าประโยคหนึ่ง ซึ่งถ้าจะถอดความให้
เข้ากับสำนวนไทยก็ว่า "อยู่ใกล้พ่อนี่มีความสุขเหลือเกิน" แล้วกราบทูลขอรัช
ทายาท และกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติของพระราชบิดา ตามที่พระมารดา
ทรงแนะนำ

พระพุทธเจ้าไม่ตรัสว่ากระไร ทรงฉันอาหารบิณฑบาตเสร็จแล้ว ทรง
อนุโมทนา แล้วเสด็จกลับไปที่นิโครธารามพร้อมด้วยพระสงฆ์ โดยมีราหุล
ตามเสด็จเพื่อทูลขอสิ่งที่ทรงประสงค์ดังกล่าวไปด้วย

Copyright © 2002 Mahidol University All rights reserved.
Mahidol University Computing Center, Rama VI Road, Rajathewi, Bangkok 10400, THAILAND Tel. (662) 354-4333