พระแม่น้าทูลถวายผ้า โปรดให้ภวายอชิตภิกษุ
ซึ่งต่อไปจะตรัสรู้เป็นพระศรีอาริย์

ตามหลักฐานที่ปรากฏอยู่ในตำราศาสนาพุทธทั่วไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งตำรา
ชั้นอรรถกถาที่แต่งขึ้นโดยนักเขียนรุ่นหลังพระพุทธเจ้านิพพานแล้ว ปรากฏ
ว่าพระพุทธเจ้าเสด็จกลับกรุงกบิลพัสดุ์หลายครั้ง

ที่เห็นอยู่ในภาพสาธกนั้นก็เป็นตอนหนึ่งที่พระพุทธเจ้าเสด็จกรุงกบิลพัสดุ์
ปฐมโพธิว่าเป็นการเสด็จครั้งที่สอง สตรีที่นั่งอยู่เบื้องพระพักตร์นั้น คือพระ
นางปชาบดีโคตมี ซึ่งมีฐานันดรศักดิ์เป็นพระน้านางของพระพุทธเจ้า เพราะ
พระนางเป็นน้องสาวแม่ของพระพุทธเจ้า นี่ว่าอย่างสามัญ เมื่อพระนางสิริ
มหามายาสิ้นพระชนม์แล้ว พระเจ้าสุทโธทนะทรงได้พระนางปชาบดีโคตมีนี้
เป็นชายา

ตามท้องเรื่องว่า พระนางปชาบดีโคตมี ทรงดำริเมื่อคราวพระพุทธเจ้าเสด็จ
กรุงกบิลพัสดุ์ครั้งแรกนั้น พระนางไม่ได้ถวายอะไรพระพุทธเจ้าเลย คราวนี้พระ
นางจึงนำผ้าสาฎก ๒ ผืน ยาว ๑๔ ศอก กว้าง ๗ ศอกเสมอกัน ไปถวายพระ
พุทธเจ้า ปฐมสมโพธิว่า ฝ้ายนั้นมีสีเหลืองดังทอง โดยพระนางปลูกต้นฝ้าย
เอง ฝ้ายออกดอกมาเป็นสีเหลืองหม่น เสร็จแล้วทอเองจนสำเร็จเป็นผืน แล้ว
ใส่ผอบทองนำไปถวายพระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าไม่ทรงรับ พระนางเสียพระทัย จึงไปหาพระอานนท์เล่าความให้
ฟัง พระอานนท์จึงเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้ากราบทูลให้ทรงรับ พระพุทธเจ้าก็ไม่
ทรงรับ ทรงชี้บอกพระนางให้นำไปถวายพระสงฆ์ แต่ก็ไม่มีพระสงฆ์องค์ใด
ยอมรับอีก มีอยู่องค์เดียวเท่านั้นที่นั่งอยู่หางแถวอาสน์สงฆ์สุดยอมรับ ท่าน
เป็นพระบวชใหม่ นามว่า 'อชิต' ยังเป็นพระปุถุชน แต่ในอนาคตปฐมสมโพธิ
ว่าอชิตภิกษุนี้ คือพระศรีอาริย์ ซึ่งจะเสด็จมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเพื่อโปรด
โลกสืบต่อไป

ที่พระพุทธเจ้าไม่ทรงรับผ้าของพระนางชาบดีโคตมี เพราะทรงต้องการจะยก
ย่องความดีของพระสงฆ์สาวกให้เห็นว่า แม้เพียงพระบวชใหม่ทรงศีลก็ควร
แก่การรับของทำบุญของพุทธศาสนิกชน เพราะถ้าไม่ทรงทำให้เห็นอย่างนี้
ใคร ๆ ก็จะถือว่าทำบุญกับพระพุทธเจ้านั้นจึงจะได้บุญ แล้วเมื่อพระพุทธเจ้า
นิพพานล่วงไปแล้ว พระสงฆ์สาวกก็จะลำบากเพราะทัศนะดังกล่าว

Copyright © 2002 Mahidol University All rights reserved.
Mahidol University Computing Center, Rama VI Road, Rajathewi, Bangkok 10400, THAILAND Tel. (662) 354-4333