เสด็จถึงสาลวันกรุงกุสินารา
โปรดให้พระอานนท์จัดที่บรรทมระหว่างไม้รังทั้งคู่

พระพุทธเจ้าพร้อมกับพระสงฆ์บริวารเสด็จไปถึงชานเมืองกุสินาราในเวลา
จวนคำ เสด็จข้ามแม่น้ำหิรัญวดี แล้วเสด็จเข้าไปในอุทยานนอกเมืองนั้น ที่มี
ชื่อว่า 'สาลวโนทยาน'

เมืองต่างๆ ในสมัยพระพุทธเจ้าส่วนมาก มีอุทยานเหมือนสวนสาธารณะ
อย่างทุกวันนี้ สำหรับประชาชนในเมืองและชนชั้นปกครองได้อาศัยเป็นที่พัก
ผ่อนกันทั้งนั้น กรุงราชคฤห์ก็มีอุทยานชื่อลัฏฐิวันที่เรียกว่าสวนตาลหนุ่ม
กบิลพัสดุ์เมืองประสูติของพระพุทธเจ้าก็มีลุมพินีวัน กุสินาราจึงมีสาวล
วโนทยานดังกล่าว

สาลวโนทยานอยู่นอกเมืองกุสินารา มีต้นไม้ใหญ่สองต้นเคียงคูกันอยู่ เรียก
ว่า 'ต้นสาละ' อุทยานแห่งนี้จึงได้นามตามต้นสาละว่าสาลวโนทยานดัง
กล่าว

เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปถึงอุทยานแห่งนี้แล้ว ตรัสสั่งให้พระอานนท์ตั้งเตียง
หันทางเบื้องศีรษะไปทางทิศเหนือ ให้เตียงอยู่ระหว่างใต้ต้นสาละทั้งคู่ ตรัส
ว่า "เราลำบากและเหน็ดเหนื่อยมาก จักนอนระงับความลำบากนั้น"

พระอานนท์จัดตั้งเตียงและปูผ้ารองเสร็จแล้ว พระพุทธเจ้าเสด็จบรรทม
ตะแคงข้างขวา หันเศียรไปทางทิศเหนือตั้งพระบาทซ้อนเหลื่อมกัน ดำรง
สติสัมปชัญญะแล้วตั้งพระทัยจะเสด็จบรรทมเป็นไสยาวสาน (นอนเป็นครั้ง
สุดท้าย) เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า 'อนาฐานไสยา' แปลว่า นอนโดยจะไม่ลุกขึ้นอีก

ปฐมสมโพธิว่า "ในขณะนั้นเอง มิใช่ฤดูกาลจะออกดอกเลย แต่ต้นสาละทั้งคู่
ก็ผลิดออกบานตั้งแต่โคนรากเบื้องต้นถึงยอด และทั่วทุกกิ่งสาขาก็ดาดาด
(พจนานุกรมฉบับราชยัณฑิตยสถานใช้ ดารดาษ หรือดาษดา) ด้วยดอกแล
สะพรั่ง แล้วดอกสาละนั้น ก็ร่วงหล่นลงบูชาพระพุทธเจ้าดอกมณฑารพดอก
ไม้ทิพย์ของสวรรค์ตลอดถึงจุณจันทน์สุคนธชาติของทิพย์ก็โปรยปรายลง
จากอากาศ ดนตรีสวรรค์ก็บันลือประโคม เป็นมหานฤนาทโกลาหลเพื่อจะ
บูชาพระพุทธเจ้าในกาลอันเป็นอวสานของพระองค์"

Copyright © 2002 Mahidol University All rights reserved.
Mahidol University Computing Center, Rama VI Road, Rajathewi, Bangkok 10400, THAILAND Tel. (662) 354-4333