พระยามารห้ามบรรพชาว่า
อีก ๗ วันจะได้เสวยสมบัติบรมจักร แต่ไม่ทรงฟัง
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จทรงม้าพระที่นั่งผ่านประเมืองออกมาในเวลาราตรี |
ที่มีแสงจันทร์กระจ่าง ก็มีเสียงคล้างเสียงดนตรีขึ้นที่ข้างประตูนอกเมือง |
เสียงนั้นร้องห้ามเจ้าชายมิให้เสด็จออกบวช |
เจ้าชายสิทธัตถะ | "ท่านนี้มีนามชื่อใด" |
เจ้าของเสียง | "เราชื่อวัสสวดีมาร" |
พระยามารแจ้งข่าวให้เจ้าชายทรงทราบว่า อีกเจ็ดวันในเบื้องหน้า นับแต่วัน |
นี้เป็นต้นไป จักรแก้วจักเกิดขึ้น ผู้จะได้เป็นเจ้าของจักรแก้วนั้นคือเจ้าชาย |
จักรแก้วตามความหมายของพระยามารในที่นี้คือ ความเป็นพระเจ้า |
จักรพรรดิ |
เจ้าชาย | "เรื่องนี้เราทราบ" |
พระยามาร | "ถ้าเช่นนั้น ท่านจะเสด็จออกบวชเพื่อประโยชน์อันใด" |
เจ้าชาย | "เพื่อสัพพัญญุตญาณ" |
สัพพัญญูญาณตามความหมายในพระดำรัสของเจ้าชาย คือ ความได้สำเร็จ |
เป็นพระพุทธเจ้า ความที่บรรยายมาทั้งหมดนั้น บรรยายตามความในวรรณ |
คดีที่กวีท่านแต่งไว้ในปฐมสมโพธิ และที่พระพุทธโฆษาจารย์รจนาไว้ในอรรถ |
กถาธรรมบท โดยท่านสาธกให้เห็นเป็นปุคคลาธิษฐาน |
ปุคคลาธิษฐาน คือ การแปลสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตา หรือสัมผัสไม่ได้ด้วย |
ประสาททั้ง ๕ ที่เรียกว่า "นามธรรม" แลออกมาให้เห็นเป็นฉาก เป็นบุคคล |
ซึ่งเป็นตัวแสดงในเรื่อง เหมือนนักเขียนนวนิยายที่ถ่ายทอดความรู้สึกออกมา |
ทางตัวละคร ถ้าไม่สาธกอย่างนี้คนก็จะไม่เข้าใจ และท้องเรื่องก็จะจืด |
ความในวรรณคดีทีเป็นปุคคลาธิษฐานดังกล่างข้างต้นนั้น ถ้าว่าถึงเนื้อแท้ก็ |
คือ พอเสด็จออกพ้นประตูเมือง เจ้าชายสิทธัตถะซึ่งทรงอยู่ในภาวะปุถุชน |
แม้พระทัยหนึ่งจะทรงปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้า แต่อีกพระทัยหนึ่งก็ |
ยังทรงห่วงบ้านเมือง |
ความที่ทรงห่วงนี้ กวีท่านจำลองออกมาในรูปของพระยามารผู้ขัดขวาง แต่ |
แล้วเจ้าชายก็ทรงเอาชนะเสียได้ จะเรียกว่าชนะพระยามาร หรือชนะความ |
ห่วงที่เป็นข้าศึกในพระทัยนั้นก็ได้ทั้งนั้น |
Copyright © 2002 Mahidol
University All rights reserved. |