เสด็จกลับจากลอยถาด ทรงรับหญ้าคา
ซึ่งพราหมณ์โสตถิยะถวายในระหว่างทาง

เสร็จจากทรงลอยถาดอธิษฐานแล้ว เวลาสายขึ้น แดดเริ่มจัด พระมหาบุรุษ
จึงเสด็จจากชายฝั่งแม่น้ำเป็นเนรัญชราเข้าไปยังดงไม้สาละ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก
แม่น้ำแห่งนี้ ประทับอยู่ที่นี่ตลอดเวลากลางวัน เวลาบ่ายเกือบเย็นจึงเสด็จไป
ยังต้นพระศรีมหาโพธิ์

พระศรีมหาโพธิ์เป็นต้นไม้ประเภทต้นโพธิ์ที่เราเห็นอยู่ในเมืองไทย ในป่าก็มี
แต่ส่วนมากมีตามวัด ก่อนพระพุทธเจ้าตรัสรู้ไม่ได้เรียกว่าพระศรีมหาโพธิ์
แต่เรียกโดยชื่อตามภาษาพื้นเมือง ๒ อย่าง อย่างหนึ่งเป็นภาษาชาวบ้าน
เรียกว่า 'ต้นปีบปัน' อีกอย่างหนึ่งเป็นภาษาหนังสือเรียกว่า 'ต้นอัสสัตถะ'
หรือ 'อัสสัตถพฤกษ์'

เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วจึงแรียกว่า 'โพธิ์' แปลว่า ต้นไม้เป็นที่อาศัยตรัสรู้
ของพระพุทธเจ้า ต่อมาเพิ่มคำนำหน้าขึ้นอีกเป็น มหาโพธิ์บ้าง พระศรีมหา
โพธิ์ และว่าเป็นต้นไม้สหชาติของพระพุทธเจ้า คือ เกิดพร้อมกันในวันที่พระ
พุทธเจ้าสมัยที่เป็นเจ้าชายสิทธัตถะประสูติดังได้เคยเล่าไว้แล้ว

ระหว่างทางเสด็จไปยังโคนต้นพระศรีมหาโพธิ์ พระมหาบุรุษได้สวนทางกับ
ชายผู้หนึ่งซึ่งอยู่ในวรรณะพราหมณ์ชื่อโสตถิยะ พราหมณ์โสตถิยะเดินถือกำ
หญ้าคามา ๘ กำ ได้ถวายหญ้าคาทั้ง ๘ กำแก่พระมหาบุรุษ พระมหาบุรุษ
ทรงรับ แล้วทรงนำไปปูเป็นอาสนะสำหรับประทับนั่งที่โคนต้นพระศรีมหา
โพธิ์

พระมหาบุรุษประทับนั่งขัดสมาธิ พระบาทขวาทับพระบาทซ้าย และพระ
หัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้าย ผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก ผินพระปฤษ
ฏางค์ คือหลัง ไปทางลำต้นพระศรีมหาโพธิ์ แล้วทรงตั้งพระทัยเป็นสัจจะ
แน่วแน่ว่า

"ถ้าเรายังไม่ได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณตราบใด เราจัดไม่ยอมลุกขึ้น
ตราบนั้น แม้ว่าเนื้อและเลือดจะเหือดแห้งไปเหลือแต่หนัง เอ็น และกระดูกก็
ตามที"

Copyright © 2002 Mahidol University All rights reserved.
Mahidol University Computing Center, Rama VI Road, Rajathewi, Bangkok 10400, THAILAND Tel. (662) 354-4333