แม่พระธรณีบิดพระเกศา เกิดเป็นสมุทรธารา
พระยามารก็พ่ายแพ้แก่พระบารมี
สถานที่ที่พระมหาบุรุษประทับนั่งเพื่อทรงบำเพ็ญเพียรทางใจ แสวงหาทาง |
ตรัสรู้ ซึ่งอยู่ที่โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์นั้น เรียกว่า 'โพธิบัลลังก์' พระยามาร |
กล่าวตู่ว่าเป็นสมบัติของตน ส่วนพระมหาบุรุษทรงกล่าวแก้ว่า บังเกิดขึ้น |
ด้วยผลแห่งบุญบารมีที่พระองค์ทรงบำเพ็ญมาแต่ชาติปางก่อน แล้วทรงอ้าง |
พระนางธรณีเป็นพยาน |
ปฐมสมโพธิว่า "พระธรณีก็มิอาจดำรงกายอยู่ได้...ก็อุบัติบันดาลเป็นรูปนารี |
ผุดขึ้นจากพื้นปฐพี..." แล้วกล่าวเป็นพยานมหาบุรุษ พร้อมกับบีบน้ำออก |
จากมวยผม น้ำนั้นคือสิ่งที่เรียกว่า 'ทักษิโณทก' อันได้แก่ น้ำที่พระมหา |
บุรุษทรงกรวดทุกครั้งที่ทรงบำเพ็ญบุญบารมีแต่ชาติปางก่อนเป็นลำดับมา |
ซึ่งแม่พระธรณีเก็บไว้ที่มวยผม เมื่อนางบีบก็หลั่งไหลออกมา |
ปฐมสมโพธิว่า "เป็นท่อธารมหามหรรณพ นองท่วมไปในประเทศทั้งปวง |
ประดุจห้วงมหาสาครสมุทร...หมู่มารเสนาทั้งหลายมิอาจดำรงกายอยู่ได้ ก็ |
ลอยไปตามกระแสน้ำ ปลาสนาการไปสิ้น ส่วนคีรีเมขลคชินทร ที่นั่งทรงองค์ |
พระยาวัสสวดี ก็มีบาทาอันพลาด มิอาจตั้งกายตรงอยู่ได้ ก็ลอยตามชลธาร |
ไปตราบเท่าถึงมหาสาคร... พระยามารก็พ่ายแพ้ไปในที่สุด" |
ที่นี่จะถอดความเป็นธรรมาธิษฐาน กล่าวคือ มารนั้นคือกิเลสในใจคน เป็น |
สิ่งที่ตรงกันข้ามกับสติปัญญาที่เป็นเครื่องรู้บาปบุณคุณโทษ กิเลสยินดีใน |
การทำชั่วของคน เห็นใครทำดีจึงขัดขวาง พระมหาบุรุษก่อนได้ตรัสรู้เป็นพระ |
พุทธเจ้านั้น ในพระทัยยังมีกิเลสอยู่ แต่เป็นกิเลสที่กำลังจะหลุดจากขั้วพระทัย |
กิเลสนี้คือความห่วงใย คิดถึงความหลัง คิดถึงความสุขในราชสมบัติและ |
บ้านเมืองแต่ก็ทรงชนะกิเลสนี้ได้ด้วยบารมีที่ทรงบำเพ็ญมา |
บารมีนั้นคือความดี พระมหาบุรุษท่านทรงรำพึงว่า ชีวิต ดวงหทัย นัยน์เนตร |
ที่ท่านทรงบริจาคให้เป็นกุศลผลทานมาก่อนนั้นถ้าจะเก็บรวมไว้ก็จะมาก |
กว่าผลาผลไม้ในป่ามากกว่าดวงดาราในท้องฟ้า |
ความดีที่ทำไว้นั้นไม่หนีไปไหน ถึงใครไม่เห็น ฟ้าดินก็เห็น ดินคือแม่พระธรณี |
Copyright © 2002 Mahidol
University All rights reserved. |