พระพุทธองค์ทรงประทานโอวาทปาติโมกข์แก่พระอรหันต์สงฆ์
ในวันเพ็ญมาฆบูชา

ภายหลังพระโมคคัลลาน์ สารีบุตร บวชแล้วไม่นาน พระพุทธเจ้าได้ทรง
ประชุมพระสาวกขึ้นในวันเพ็ญกลางเดือนสาม ที่พระเวฬุวนาราม เมือง
ราชคฤห์ โดยมีพระพุทธเจ้าทรงเป็นประธาน การประชุมพระสาวกครั้งนี้ ผู้
นับถือศาสนาพุทธในสมัยต่อมาเห็นเป็นเหตุการณ์ที่มีความสำคัญมากจึง
กำหนดถือวันนี้เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง ที่เรียกกันอยู่ทุก
วันนี้ว่า 'วันมาฆบูชา'

การประชุมพระสาวกของพระพุทธเจ้าครั้งนี้ แปลกกว่าทุกคราวที่มีอยู่ใน
สมัยพุทธกาล คือ พระสาวกมีจำนวน ๑,๒๕๐ รูป แต่ละรูป แต่ละองค์ล้วน
บวชกับพระพุทธเจ้า มีพระอุปัชฌาย์องค์เดียวกัน คือ พระพุทธเจ้า ล้วนเป็น
พระอรหันต์ ต่างมาประชุมโดยไม่ได้นัดหมาย และพระพุทธเจ้าทรงแสดง
โอวาทาติโมกข์ในที่ประชุม การประชุมพระสาวกครั้งนี้จึงเรียกอีกอย่างหนึ่ง
ตามลักษณะแปลก ๔ ประการนี้ว่า 'จาตุรงคสันนิบาต'

ในเวลานั้น กรุงราชคฤห์เป็นศูนย์กลางของศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าประทับ
อยู่ที่นี่บรรดาพระสาวกที่แยกย้ายกันออกไปประกาศพระศาสนาต่างได้
ทราบว่า เวลานั้นพระพุทธเจ้ากำลังเสด็จประอยู่ที่กรุงราชคฤห์ เมื่อเสร็จกิจ
ประกาศพระศาสนาจึงต่างจาริกมาเฝ้า เมื่อมาพร้อมหน้ามากตั้งพันกว่า
พระพุทธเจ้าจึงประชุมพระสาวกแล้วแสดงโอวาทปาติโมกข์

"โอวาทาติโมกข์ คือ หลักการโดยสรุปของศาสนาพุทธ มีทั้งหลักคำสอนและ
หลักกลางปกครองคณะสงฆ์ มีทั้งหมด ๑๓ ข้อด้วยกัน เช่นเป็นต้นว่า
ศาสนาพุทธสอนว่า ละชั้ว ทำดี ทำจิตบริสุทธิ์ สุดยอดของคำสอนอยู่ที่
นิพพาน ดับกิเลสพ้นทุกข์ และเป็นพระสงฆ์ต้องสำรวม กินอยู่พอประมาณ
อดทน ไม่กล่าวร้ายป้ายสีคนอื่น ไม่เบียดเบียนคนอื่น

สมัยที่กล่าวนี้ พระพุทธเจ้ายังไม่ทรงบัญญัติวินัยปกครองสงฆ์ เพราะความ
เสียหายยังไม่เกิดจึงทรงวางหลักปกครองสงฆ์ไว้แต่โดยย่อ เทียบให้เห็นคือ
เมืองไทยในสมัยไม่กี่ปีมานี้ ไม่มีรัฐธรรมนูญปกครองราชอาณาจักร แต่มี
ธรรมนูญเป็นหลักปกครองแทน ธรรมนูญนี้เทียบได้กับโอวาทาติโมกข์ ส่วน
รัฐธรรมนูญปกครองราชอาณาจักรก็เทียบได้รับวินัยพุทธบัญญัติทั้งหมดที่
พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติขึ้นในเวลาต่อมา

Copyright © 2002 Mahidol University All rights reserved.
Mahidol University Computing Center, Rama VI Road, Rajathewi, Bangkok 10400, THAILAND Tel. (662) 354-4333