พราหมณาจารย์รับพระลักษณสมโภชพระกุมาร
ถวายพระนามว่าพระสิทธัตถะ

ภายหลังเจ้าชายราชกุมารผู้พระราชโอรสประสูติได้ ๕ วันแล้ว พระเจ้าสุทโธทนะ
พระราชบิดาได้โปรดให้มีการประชุมใหญ่ ผู้เข้าประชุมมีพระญาติวงศ์ ทั้ง
ฝ่ายพระบิดาและฝ่ายพระมารดา มุขอำมาตย์ ราชมนตรี และพราหมณ์ผู้
รอบรู้ไตรเวท เพื่อทำพิธีมงคลในการนี้คือพราหมณ์ ทีทั้งหมด ๑๐๘ แต่
พราหมณ์ผู้ทำหน้าที่นี้จริง ๆ มีเพียง ๘ นอกนั้นมาในฐานะคล้ายพระอันดับ
พราหมณ์ทั้ง ๘ มีรายนามดังนี้ คือ

๑. รามพราหมณ์๕. โภชพราหมณ์
๒. ลักษณพราหมณ์๖. สุทัตรพราหมณ์
๓. ยัญญพราหมณ์๗. สุยามพราหมณ์
๔. ธุชพราหมณ์๘. โกณทัญญพราหมณ์

ที่ประชุมลงมติขนานพระนามพระราชกุมารว่า 'เจ้าชายสิทธัตถะ' ซึ่งเป็น
มงคลนาม มีความหมายสองนัย นัยหนึ่งหมายความว่า ผู้ทรงปรารถนาสิ่งใด
จะสำเร็จสิ่งนั้นดังพระประสงค์ อีกนัยหนึ่งหมายความว่า พระโอรสพระองค์
แรกสมดังที่พระราชบิดาทรงปรารถนา แปลให้เข้าสำนวนไทยในภาษาสามัญ
ก็ว่า ได้ลูกชายคนแรกสมตามที่ต้องการ

พระนามนี้ คนอินเดียวทั่วไปในสมัยนั้นไม่นิยมเรียก แต่นิยมเรียกโคตรแทน
'พระโคตร' ตรงกับภาษาไทยทุกวันนี้ว่า 'นามสกุล' คนจึงนิยมเรียกพระราช
กุมารว่า 'เจ้าชายโคตมะ' หรือ 'โคดม'

พร้อมกันนี้ พราหมณ์ทั้ง ๘ ก็พยากรณ์พระลักษณะ คำพยากรณ์แตกความ
เห็นเป็น ๒ กลุ่ม พราหมณ์ ๗ คน ตั้งแต่หมายเลข ๑ ถึงหมายเลข ๗ ตามราย
นามที่ระบุไว้แล้ว มีความเห็นเป็นเงื่อนไขในคำพยากรณ์ว่า ถ้าเจ้าชายนี้เสด็จ
อยู่ครองราชสมบัติ จักได้ทรงเป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้ทรงมีพระบรมเดชา
นุภาพมาก แต่ถ้าเสด็จออกทรงผนวชจักได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็น
ศาสดาเอกของโลก

มีพราหมณ์หนุ่มอายุเยาว์คนเดียวที่พยากรณ์เป็นมติเดียวโดยไม่มีเงื่อนไขว่า
พระราชกุมารนี้จักเสด็จออกทรงผนวช และได้เป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน
พราหมณ์ผู้นี้ต่อมาได้เป็นหัวหน้าพระปัญจวัคคีย์ออกบวชตามเสด็จพระพุทธ
เจ้าและได้เป็นอรหันตสาวกองค์แรกที่รู้จักกันในนามว่า 'พระอัญญาโกณทัญญะ'
นั่นเอง ที่เหลืออีก ๗ ไม่ได้ตามเสด็จออกบวช เพราะชรามาก อยู่ไม่ทัน
สมัยพระพุทธเจ้าเสด็จออกทรงผนวช

Copyright © 2002 Mahidol University All rights reserved.
Mahidol University Computing Center, Rama VI Road, Rajathewi, Bangkok 10400, THAILAND Tel. (662) 354-4333