![]() |
พระแม่น้ามหาปชาบดีโคตมี นำนางกษัตริย์บริวาร
ไปทูลขออุปสมบทเป็นภิกษุณี
ภายหลังพระเจ้าสุทโธทนะสิ้นพระชนม์แล้วไม่นาน พระนางปชาบดีโคตมี |
พระน้านางของพระพุทธเจ้าหรือนัยหนึ่งพระชายาของพระเจ้าสุทโธทนะ |
พร้อมด้วยนางกษัตริย์ผู้บริวาร ได้เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ซึ่งขณะนั้นยังเสด็จ |
ประทับอยู่ที่นิโครธาราม กรุงกบิลพัสดุ์ เพื่อทูลขอบวช |
พระนางทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ธรรมดาสตรีจะบวชในพระพุทธศาสนาได้ |
(อย่างบุรุษ) หรือไม่พระพุทธเจ้าทรงตอบบ่ายเบียงว่า อย่าได้มายินดีในการ |
บวชเลย ทรงตอบอย่างนี้ถึงสามครั้ง |
หลังจากนั้น พระพุทธเจ้าเสด็จกลับกรุงไพศาลี พระนางปชาบดีโคตมีพร้อม |
ด้วยบริวารได้ตามเสด็จไปอีก คราวนี้ทุกนางต่างปลงผม นุ่งห่มผ้ายอมฝาด |
อย่างนักบวช เข้าไปทูลขอบวชกับพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธอีก |
พระนางจึงเข้าไปพึ่งพระบารมีพระอานนท์ เพื่อให้กราบทูลพระพุทธเจ้าให้ |
ทรงอนุญาต พระอานนท์จึงเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า กราบทูลขอร้องพระพุทธเจ้า |
ให้ทรงอนุญาตให้พระนางปชาบดีโคตมีและบริวารได้บวชเป็นนางภิกษุณี |
พระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธอยู่ถึงสามครั้ง ในที่สุดจึงทรงอนุญาตอย่างมีเงื่อนไข |
ว่า ถ้าพระนางปชาบดีโคตมียอมรับครุธรรม ๘ ข้อได้ ก็จะให้บวชเป็นนาง |
ภิกษุณีแล้ว แม้จะมีพรรษาตั้งหนึ่งร้อย ก็จะต้องกราบไหว้พระภิกษุซึ่งเพิ่ง |
บวชใหม่ในวันนั้น จะต้องรักษาศีล ๖ ข้อไม่ให้ขาดอยู่จนครบสองปีก่อนจึง |
จะบวชได้ เป็นต้น |
พระนางปชาบดีโคตมีมีศรัทธาแรงกล้ามาก จึงยอมรับและได้บวชเป็นนาง |
ภิกษุณีเป็นคนแรกในศาสนาพุทธ แต่คณะสงฆ์ภิกษุณีก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะ |
มีหลักฐานเชื่อไว้ว่าสูญสิ้นไปก่อนพระพุทธเจ้านิพพานด้วยซ้ำไป เหตุผลก็ |
เพราะบทบัญญัติที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติขึ้น เป็นดุจกำแพงล้อมนาง |
ภิกษุณีนั้น เข้มงวดกว่าฝ่ายพระภิกษุหลายเท่า จนคนไม่มีศรัทธาจริง ๆ จะ |
บวชอยู่ไม่ได้เลย |
Copyright © 2002 Mahidol
University All rights reserved. |