รุ่งเช้าเสด็จกลับจากทรงบาตร
เยื้องพระกายดูกรุงไพศาลีเป็นครั้งสุดท้าย
หลังจากพระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธคำทูลอาราธนาของพระอานนท์ เรื่องให้ทรง |
ต่อพระชนมายุออกไปอีกระยะหนึ่ง อย่าเพิ่งนิพพานเลย แล้วพระพุทธเจ้า |
พร้อมด้วยพระอานนท์เสด็จไปยังกุฎาคารศาลา ในป่ามหาวัน แขวงกรุงไพ |
ศาลี |
กุฎาคาศาลา คือ อาคารที่ปลูกเป็นเรือน มียอดแหลมเหมือนยอดปราสาท |
ป่ามหาวันเป็นป่าใหญ่ดงดิบ คัมภีร์ศาสนาพุทธหลายคัมภีร์บันทึกไว้ตรงกัน |
ว่า ป่าแห่งนี้มีอาณาเขตกว้างขวางด้านเหนือเป็นพืดติดต่อถึงเชิงเขาหิมาลัย |
สมัยพระพุทธเจ้า ป่าแห่งนี้เป็นที่อาศัยบำเพ็ญพรตของบรรดาฤาษี นักพรต |
นักบวช พระพุทธเจ้า และพระสงฆ์ก็เคยอาศัยป่าแห่งนี้เป็นที่ประทับ และ |
แวะพักหลายครั้ง พระพุทธเจ้าเสด็จมายังป่ามหาวันแล้วประชุมพระสงฆ์ |
เพราะขณะนี้ ข่าวพระพุทธเจ้าจะนิพพานได้แพร่สะพัดไปทั่วแล้ว พระพุทธ |
เจ้าตรัสประทานโอวาทพระสงฆ์ที่ยังไม่สำเร็จมรรคผล ให้รีบขวนขวาย อย่า |
ได้ประมาท อย่าได้เสียใจว่าพระองค์จะนิพพานจากไปเสียก่อน |
"ชนทั้งหลายเหล่าใด ทั้งหนุ่มทั้งแก่ ทั้งพาลทั้งบัณฑิต ทั้งมั่งคั่งทั้งยากไร้ ชน |
เหล่านั้นต่างตายด้วยกันในที่สุด ภาชนะดินที่ช่างหม้อปั้นแล้ว ไม่ว่าเล็กหรือ |
ใหญ่ ไม่ว่าเผาสุกหรือดิบ ไม่ว่าขนาดไหน มีแตกสลายในที่สุด ชีวิตคนและ |
สัตว์ทุกชนิดในโลกนี้ก็เหมือนกัน" |
ความในอัญญประกาศนั้น คือ พุทธดำรัสที่พระพุทธเจ้าทรงประทานพระ |
สงฆ์ ในการเสด็จมายังป่ามหาวัน ดังกล่าว |
รุ่งขึ้นพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระอานนท์ได้เสด็จเข้าไปบิณฑบาตในเมืองไพ |
ศาลี ตอนเสด็จออกจากเมือง พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระอาการทางพระกาย |
ซึ่งตามปกติไม่เคยทรงทำอย่างนั้นมาก่อนเลย ไม่ว่าเสด็จจากเมืองใดๆ คือ |
เยื้องพระกายทั้งพระองค์กลับทอดพระเนตรเมืองไพศาลีเป็นอย่าง |
'นาคาวโลก' แปลว่า ช้างเหลียวหลัง |
ตรัสว่า "อานนท์!" การเห็นเมืองไพศาลีครั้งนี้ของเรา นับเป็นครั้งสุดท้าย ต่อ |
นี้ไปจักไม่ได้เห็นอีกครั้นแล้วตรัสว่า "มาเดินทางต่อไปยังภัณฑคามกันเถิด" |
ภัณฑคามเป็นตำบลแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในระหว่างทางที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปยัง |
เมืองกุสินารา ซึ่งเป็นเมืองที่พระองค์จะนิพพาน |
Copyright © 2002 Mahidol
University All rights reserved. |