ทรงประลองศิลปศาสตร์ยกศรอันหนัก
ดีดสายศรเสียงสนั่นกระหึ่มเมือง

พอเจ้าชายสิทธัตถะทรงมีพระชนมายุพอสมควรแล้ว พระราชบิดาจึงทรงส่ง
ไปศึกษาศิลปวิทยาที่สำนักครูที่มีชื่อว่า 'วิศวามิตร' เจ้าชายทรงศึกษาการ
ใช้อาวุธยิงธนู และการปกครองได้ว่องไวจนสิ้นความรู้ของอาจารย์

ภาพที่เห็นนี้ เป็นตอนเจ้าชายสิทธัตถะทรงมีพระชนมายุได้ ๑๖ ปีแล้ว
และทรงศึกษาศิลปวิทยาจบแล้ว พระราชบิดาจึงตรัสสั่งให้สร้างปราสาท ๓
ฤดู เป็นจำนวน ๓ หลัง ให้ประทับเป็นที่สำราญพระทัย ปราสาทหลังที่
หนึ่งเหมาะสำหรับประทับในฤดูหนาว หลังที่สองสำหรับฤดูร้อน ทั้งสองหลัง
นี้จะมีอะไรเป็นเครื่องควบคุมอุณหภูมิไม่ทราบได้ และหลังที่สามสำหรับ
ประทับในฤดูฝน

หลังจากนั้น พระราชบิดาได้ทรงแจ้งไปยังพระญาติวงศ์ทั้งสองฝ่าย คือฝ่าย
พระมารดาและฝ่ายพระบิดา ให้จัดส่งพระราชธิดามาเพื่อคัดเลือกสตรีผู้สม
ควรจะอภิเษกสมรสกับเจ้าชาย ทั้งนี้เพราะพระราชบิดาทรงต้องการจะผูก
มัดพระราชโอรสให้เสด็จอยู่ครองราชบัติมากกว่าที่จะให้เสด็จออกทรงผนวช

แต่พระญาติวงศ์ทั้งปวงเห็นว่า ควรจะให้เจ้าชายได้แสดงความสามารถใน
ศิลปศาสตร์ที่ทรงเล่าเรียนมาให้เป็นที่ประจักษ์แก่หมู่พระญาติก่อน พระราช
บิดาจึงอัญเชิญพระญาติวงศ์มาประชุมกันที่หน้าพระมณฑปที่ถูกสร้างขึ้น
ใหม่ ณ ใจกลางเมืองเพื่อชมเจ้าชายแสดงการยิงธนู

ธนูที่เจ้าชายยิงมีชื่อว่า 'สหัสถามธนู' แปลว่า ธนูที่มีน้ำหนักขนาดที่คน
จำนวนหนึ่งพันคนจึงจะยกขึ้นได้ แต่เจ้าชายทรงยกธนูนั้นขึ้นได้ ปฐมสมโพธิ
ให้คำอุปมาว่า "ดังสตรีอันยกขึ้นซึ่งไม้กงดีดฝ้าย" บรรดาพระญาติวงศ์ทั้ง
ปวงได้เห็นแล้วต่างชื่นชมยิ่งนัก แล้วเจ้าชายทรงลองดีดสายธนูก่อนยิง เสียง
สายธนูดังกระหึ่มครึ้มครางไปทั้งกรุงกบิลพัสดุ์ จนคนทั้งเมืองที่ไม่รู้และไม่
ได้มาชมเจ้าชายทรงยิงธนู ต่างถามกันว่านั่นเสียงอะไร

เป้าที่เจ้าชายยิงธนูวันนั้น คือ ขนหางทรายจามรีที่วางไว้ในระยะหนึ่งโยชน์
ปรากฏว่า เจ้าชายทรงยิงถูกขาดตรงกลางพอดี ทั้งนี้ท่านว่า "ด้วยพระเนตร
อันผ่องใสพร้อมด้วยประสาททั้ง ๕ อันบริสุทธิ์อันราศจากมนทิน" พระญาติ
วงศ์ทั้งปวง จึงยอมถวายพระราชธิดา ซึ่งมีพระนางพิมพายโสธรารวมอยู่
ด้วย เพื่อคัดเลือกเป็นพระชายา

Copyright © 2002 Mahidol University All rights reserved.
Mahidol University Computing Center, Rama VI Road, Rajathewi, Bangkok 10400, THAILAND Tel. (662) 354-4333